ราคา Bid / Ask - หมายถึง การเสนอราคาแบบสองทางที่ระบุราคาที่เป็นไปได้ที่ดีที่สุดซึ่งสามารถทำการขายและซื้อหลักทรัพย์ได้ ณ เวลาที่กำหนด ราคาเสนอซื้อ (bid price) เป็นราคาสูงสุดที่ผู้ซื้อยินดีจ่ายสำหรับหุ้นหรือหลักทรัพย์อื่นๆ ราคาเสนอขาย (ask price) คือราคาขั้นต่ำที่ผู้ขายยินดีรับสำหรับหลักทรัพย์เดียวกันนั้น พึงระลึกไว้เสมอว่าเมื่อทำธุรกรรมเสร็จสิ้น เราซื้อจากผู้ขาย เช่น ที่ราคาเสนอขาย และเราขายให้กับผู้ซื้อที่ราคาเสนอซื้อ
Leverage (เลเวอเรจ) - การทวีคูณกำลังซื้อของเงินทุนที่ฝากไว้ในมาร์จิ้น ช่วยให้คุณทำธุรกรรมที่เกินมูลค่าของเงินฝากได้ ตัวอย่างเช่น เลเวอเรจ 1: 100 หมายความว่า มูลค่าของธุรกรรมอาจมากกว่า 100 เท่า เช่น การฝาก 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยให้คุณทำธุรกรรมที่มีมูลค่า 100 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม การใช้เลเวอเรจโดยทั่วไปถือว่ามีความเสี่ยงสูงและมีเงื่อนไขในการใช้เงินทุนที่เข้มงวดตามกฎเพื่อเป็นการป้องกัน
ค่าสวอป (Swap) - เป็นข้อตกลงระหว่างสองฝ่ายที่กำหนดกฎการชำระเงินร่วมกัน ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของตลาดที่เฉพาะเจาะจง (เช่น อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน เป็นต้น) ประเภทพื้นฐานของการดำเนินการนี้คือสัญญา ซึ่งฝ่ายหนึ่งจะชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งสำหรับผลที่ตามมาของการเปลี่ยนแปลงของการการดำเนินการต่างๆที่ตกลงกันไว้ พูดง่ายๆ ก็คือ สวอปคือการปล่อยให้สถานะเปิดไว้สำหรับวันถัดไป ซึ่งนักลงทุนจะได้รับหรือจ่ายดอกเบี้ย ธุรกรรมเกือบแทบทั้งหมดที่มีการดำเนินการสำหรับฟอเร็กและ CFD นั้นมีการเกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยน
มาร์จิ้น (Margin) - เป็นหลักประกันที่เทรดเดอร์ต้องฝากไว้กับโบรกเกอร์ ซึ่งจะครอบคลุมความเสี่ยงด้านเครดิตที่ผู้ถือมีต่อโบรกเกอร์ ในตลาดที่มีเลเวอเรจ นี่หมายความว่านักลงทุนไม่จำเป็นต้องมีเงินเพียงพอที่จะครอบคลุมมูลค่าทั้งหมดของธุรกรรม เพียงแค่จำนวนเงินที่ทางโบรกเกอร์ต้องการเท่านั้น การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของธุรกรรมที่ใช้เลเวอเรจจะครอบคลุมโดยเงินที่ฝากไว้ในมาร์จิ้น และเมื่อเงินหมด ทางดบรกเกอร์จะถูกบังคับให้ปิดธุรกรรม
ตำแหน่ง Long และ Short - การมีตำแหน่งที่ทำการซื้อ (Long position) ในหลักทรัพย์ หมายความว่า นักลงทุนเป็นเจ้าของสินทรัพย์ที่กำหนดและคาดหวังว่าราคาจะเพิ่มขึ้นในอนาคต ตำแหน่งที่ทำการขาย (Short position) หมายถึง การขายสินทรัพย์ที่นักลงทุนไม่ได้เป็นเจ้าของ คุณไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่เชื่อว่าราคาจะลดลงในอนาคต หากนักลงทุนตั้งสมมติฐานถูกต้อง เขาก็จะมีสิทธิซื้อสินทรัพย์ในราคาที่ต่ำกว่าและทำกำไรได้ ในทางกลับกัน ถ้าราคาสูงขึ้น นักลงทุนก็จะขาดทุน
Investment calculator หรือ เครื่องคำนวณการลงทุน เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่สามารถช่วยคุณในการจัดการความเสี่ยง ช่วยในการคำนวณพารามิเตอร์ออเดอร์ซื้อขายของคุณโดยอัตโนมัติ เช่น มูลค่า pip, มาร์จิ้น, ค่าสเปรด และกำหนดการซื้อขายของคุณในทุกด้านได้แบบทันที ช่วยให้คุณทำการตัดสินใจซื้อขายอย่างมีข้อมูลมากขึ้นในอัตราที่รวดเร็วยิ่งขึ้น
การ Take Profit & Stop Loss (รวมถึง Trailing Stop): Take Profit (การตัดกำไร) - คือคำสั่งสำหรับการดำเนินการตัดกำไรอัตโนมัติตามระดับที่ระบุไว้ล่วงหน้านี้ ซึ่งตามกฎแล้วคำสั่งนี้จะดำเนินการโดยลิมิตคำสั่งออเดอร์ที่ตรงข้ามกับตำแหน่งซื้อขายของเรา ดังนั้นเราจะปิดกำไร (TP) ของตำแหน่งขาย (short position) ในตำแหน่งราคาที่ต่ำกว่า และส่วนของตำแหน่งซื้อ (long position) เราจะตัดกำไรที่ในราคาที่สูงกว่า
Stop loss - คือ คำสั่งรอหยุดการดำเนินการแบบพิเศษ คำสั่งนี้จะแนบไปกับตำแหน่งซื้อขายเฉพาะและจะปิดเมื่อราคาขึ้นหรือลงจนถึงระดับ Stop Loss ที่ได้ตั้งไว้
Trailing Stop (TS) คือ กลไกอัตโนมัติ ซึ่งเป็นการตั้งระดับ Stop Loss ที่จะเลื่อนตามราคาปัจจุบันตามจำนวนจุดที่ได้กำหนดเอาไว้
