Ethereum Merge จะเริ่มต้นขึ้นระหว่าง 14-15 กันยายน นี้

ทั้งโลกรวมถึงข่าวสื่อมวลชนด้านการเงินและตลาดสกุลเงินดิจิทัลจับตากับจุดเปลี่ยนสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นกับสกุลเงินดิจิทัลที่ที่มีมูลค่าตลาดมากเป็นอันดับสองอย่าง Ethereum (ETH) ตามข้อมูลจากนักพัฒนาและเครือข่าย การเปลี่ยนแปลงที่เรียกกันว่า "The Merge" จะเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 14 - 15 กันยายน นี้ การอัพเกรดจะทำให้เหรียญ ETH สามารถแซง Bitcoin ได้หรือไม่?

"The Merge" คืออะไร และส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง

"The Merge" (การควบรวมกิจการ) คือขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงการยืนยันธุรกรรมของเครือข่าย Ethereum นี่จะเป็นครั้งแรกที่ความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นสำหรับบล็อกเชนที่มีอยู่ตอนนี้ โดย The Merge นั้น ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เต็มไปด้วยความเสี่ยง จนถึงตอนนี้ "นักขุด" (Miner) ยังทำหน้าที่เป็นคนยืนยันการทำธุรกรรม ที่ต้องขุดเท่านั้น ถึงจะได้ผลตอบแทน และต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการตรวจสอบ หลังจากการเปลี่ยนแปลงบทบาทนี้จะตกอยู่กับผู้ตรวจสอบความถูกต้องและเจ้าของโหนด ซึ่งจะไม่ใช้ฮาร์ดแวร์ที่ใช้พลังงานมากเพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรม การกำจัดนักขุดออกจากกระบวนการจะทำให้การใช้พลังงานของเครือข่ายลดลงสูงสุดถึง 99.5% Ethereum ใช้พลังงานไฟฟ้าในปริมาณที่เทียบได้กับประเทศนิวซีแลนด์ แต่ภายในสองสามวันต่อจากนี้ปริมาณพลังงานที่บริโภคจะเทียบเท่าเพียงหนึ่งพันกว่าครัวเรือน

Ethereum (ETH) กำลังเตรียมระเบิดลูกใหญ่ ใช่หรือไม่ ?

นักขุดเงินดิจิทัลส่วนหนึ่งเริ่มไม่เต็มใจที่จะยอมรับการเปลี่ยนแปลงของเครือข่ายและการระงับกระบวนการขุด Ether ที่ทำกำไรได้ ดังนั้นทีม Ethereum ได้สร้างสิ่งที่เรียกว่า 'difficulty bomb' ซึ่งจะทำให้การขุด Ether ยากขึ้นจนกลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์สำหรับนักขุดที่ก่อให้เกิดการระงับการขุดในเวลาต่อไป ก่อนที่เราจะได้เห็นการอัพเกรด เครือข่ายจะพบกับระเบิดความยากซึ่งจะช่วยลดอุปทานได้มากถึง 90% เนื่องด้วยเหตุนี้ในที่สุด Ether ก็มีแนวโน้มที่จะกลายเป็นโทเค็นภาวะเงินฝืด ซึ่งอุปทานที่คล้ายกับ Bitcoin จะถูกจำกัด ซึ่งอาจบ่งบอกถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดภาวะช็อคด้านอุปทานได้ ในอดีต เหตุการ halving ที่จำกัดอุปทานของ Bitcoin ลงครึ่งหนึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่บ่งบอกถึงตลาดกระทิงของสกุลเงินดิจิทัล การลดลงครึ่งหนึ่งครั้งล่าสุดช่วงเดือนพฤษภาคม 2020 เกิดขึ้นเพียงห้าเดือนก่อนการปรับขึ้นราคาอย่างน่าทึ่ง

โอกาสสู่ตำแหน่งสกุลเงินดิจิทัลที่โดดเด่นที่สุด

เมื่อเร็ว ๆ นี้เครือข่ายของ Bitcoin ได้รับความนิยมจากนักลงทุนที่เพียงจำนวนน้อยเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับ Ethereum ซึ่งเห็นได้ชัดในตลาดซื้อขายล่วงหน้า มูลค่าสัญญา Ethereum ก่อนการควบรวมกิจการเพิ่มขึ้นเหนือ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับ Bitcoin ที่มีมูลค่าเพียง 250 พันล้านดอลลาร์ Ethereum ยังมีตัวเลขจำนวนธุรกรรมบนเครือข่ายที่สูงกว่า 'ราชาแห่ง สกุลเงินดิจิทัล' นอกจากนี้ ค่าพลังงานที่เพิ่มขึ้นกำลังกระทบต่อกำไรของนักขุด Bitcoin ดังนั้นการทำธุรกรรมของนักขุดเหล่านี้จึงลดลง เมื่อไม่นานมานี้ ในปี 2559 มูลค่าตลาดของ Ethereum นั้นต่ำกว่า Bitcoin ถึง 20 เท่า แต่ตอนนี้ลดลงเป็นเพียงสองเท่าเท่านั้น ด้วยจำนวนแอปพลิเคชั่นกระจายอำนาจที่สร้างขึ้นบน Ethereum ประมวลผลสัญญาอัจฉริยะ โครงการ Web3 และการรวมกลุ่ม NFT ของการแลกเปลี่ยน OpenSea คาดว่า Ethereum จะลดความได้เปรียบของ 'ราชาแห่ง สกุลเงินดิจิทัล' เมื่อเวลาผ่านไปและมีศักยภาพเพื่อเป็นตัวแทนใหม่เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีบล็อคเชน ในปี 2564 เครือข่าย Ethereum ได้ประมวลผลธุรกรรมมูลค่ารวม 11.6 ล้านล้านเหรียญ แซงหน้า Visa มากกว่า 1 ล้านล้านเหรียญ และเครือข่าย Bitcoin เกือบ 250% ขั้นตอนต่อไปสำหรับนักพัฒนาหลังจาก The Merge คาดว่าจะลดค่าธรรมเนียมเครือข่ายที่เรียกว่า '"Gas Fees" (ค่าธรรมเนียมแก๊ส)

ที่มา: XTB, KPMG

จากข้อมูลของ KPMG การลงทุนในอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี (cryptocurrency) ในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่ารวม 14.2 พันล้านดอลลาร์ มากกว่าครึ่งหนึ่งของสถิติในปี 2564 อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่าครึ่งหลังของปีนั้นอยู่ข้างหน้าและการไหลเข้าของเงินทุนในปีก่อนหน้านั้นลดลง ตัวเลขดังกล่าวนั้นดูเป็นไปในแง่ดี เงินทุนไหลเข้าที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจมหภาคที่ยากลำบากนั้นส่วนใหญ่สนับสนุน Ethereum และการเติบโตของเครือข่าย จำนวนข้อตกลง VC, PE และ M&A ในปีก่อนหน้าคือ 660, 663 และ 1,583 ตามลำดับ ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตัวเลขดังกล่าวอยู่เหนือ 720 โดยมีข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดตามปริมาณที่เป็นของ TradeRepublic (มากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์) ConsenSys, FTX และ Fireblocks 

ใช่หรือไม่ที่สถาบันต่างๆ เริ่มตระหนักถึงศักยภาพของตลาดนี้ ?

การควบรวมกิจการจะทำให้เกิดความสนใจอย่างใกล้ชิดจากสถาบันต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากสถานะที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ธรรมชาติของภาวะเงินฝืด และระบบนิเวศน์ที่อยู่เบื้องหลัง Ethereum Blockchain ผ่านแพลตฟอร์มเช่น OpenSea ยังคงสร้างผลกระทบ 'คูน้ำกว้าง' ซึ่งทำให้คู่แข่งเข้าถึงประโยชน์ของเครือข่ายได้ยาก ดูเหมือนว่าสกุลเงินดิจิทัลจะได้รับความนิยมจากสิ่งที่เรียกว่า 'เอฟเฟกต์เครือข่าย' เพราะถึงแม้จะมีข้อเสียและข้อจำกัดจำนวนมากซึ่งรวมถึงแบนด์วิดท์เครือข่ายที่ต่ำและค่าธรรมเนียมภายในที่สูงกว่าคู่แข่ง แต่ Ethereum ยังคงเป็นตัวเลือกแรกสำหรับนักพัฒนาบล็อกเชนและความคิดริเริ่มของ Web 3.0

ด้วยความคาดหวังในปัจจุบัน ดูเหมือนว่ามีเพียงความล้มเหลวครั้งใหญ่เท่านั้นที่สามารถหยุดโครงการจากการขยายและผูกขาดตลาดเกิดใหม่นี้ได้ สถาบันต่างๆ สามารถสนับสนุนได้ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าความล้มเหลวดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ และอาจส่งผลให้เงินทุนไหลเข้าเพิ่มขึ้น อย่าลืมคำนึงถึง เมื่อไม่นานมานี้ ตลาดคริปโตได้รับความสนใจจาก BlackRock และกองทุนอื่นๆ รวมถึง Andressen Horowitz ซึ่งมีการประกาศการลงทุนในมูลค่าถึง 4 พันล้านดอลลาร์ในตลาดกระทิง

ที่มา: xStation5

ชาร์ตราคา Ethereum ช่วง H4 คริปโตเคอเรนซีได้ใต่ขึ้นเหนือค่าเฉลี่ย 200 เซสชั่นอีกครั้งในช่วงเวลาสี่ชั่วโมง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่ดีขึ้น ในเดือนกรกฎาคม ราคาที่พุ่งขึ้นเหนือค่าเฉลี่ยนี้ทำให้ Ether พุ่งขึ้นเกือบ 100% การระบายความร้อนที่ระดับ RSI ที่ 57 แสดงให้เห็นว่าระดับการซื้อเกินที่ร่าเริงยังห่างไกลออกไป แนวต้านที่มีนัยสำคัญที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ระดับเหนือ $2,000 ซึ่งสูงกว่าที่ Ethereum ไม่สามารถถือไว้ก่อนหน้านี้ การสนับสนุนระยะสั้นสำหรับ ETH มาจากระดับจิตวิทยาที่ $1,700 ซึ่งตรงกับ SMA200 และจุดสูงสุดสองจุดในพื้นที่ในช่วงกลางเดือนสิงหาคมและต้นเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ข้อผิดพลาดที่สำคัญระหว่างการควบรวมกิจการอาจทำให้ราคาของโทเค็นกลับมาอยู่ใกล้กับระดับต่ำสุดล่าสุด ซึ่งต่ำกว่า 1,500 ดอลลาร์ 

การเทรด CFDs บนพื้นฐานของเลเวอเรจนั้นมีความเสี่ยงสูง อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน โปรดศึกษาให้แน่ใจว่าคุณได้ทำความเข้าใจในความเสี่ยงทั้งหมดก่อนตัดสินใจลงทุน